เนื่องจาก MERS ยังไม่มีรายงานการแพร่ระบาดในชุมชน และการติดต่อทางการหายใจแม้จะเป็นไปได้เหมือน Corona virusในคน แต่ยังไม่มีรายงานการแพร่ระบาดในชุมชนอยู่ดี แต่กลับพบในสถานพยาบาลเป็นส่วนใหญ่และอัตราการตายที่สูง อันเป็นผลมาจากการที่ผู้ป่วยสูงอายุ โรคเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง เบาหวาน เด็กที่อ่อนแอ ได้รับเชื้อ MERS จากการส่งผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ดูแลในสถานพยาบาลนั้น ที่ไม่ปฎิบัติตามหลักการปลอดเชื้อที่ดีพอ ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไป เกิดการระบาดในสถานพยาบาลนั้น และอัตราการตายที่สูงตามมา
ดังนั้น การระบาดของ MERS ไปในชุมชนนั้นไม่น่ากลัว แต่ความรุนแรงจากอัตราการตายที่สูงเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่อ่อนแอตามโรงพยาบาลต่างๆ ผมนึกเปรียบเทียบ ความรุนแรงของMERS เหมือนเชื้อโรคที่มีความรุนแรง ดื้อต่อยาหลายชนิดและมักจะระบาดในสถานพยาบาลที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างกว้างขวาง เช่นเชื้อโรคในกลุ่ม Extended Spectrum Beta-lactamases หรือ กลุ่ม Carbapenem Resistant Enterobacteriaceae ซึ่งมักจะมีอัตราตายที่สูง แต่เชื้อโรคพวกนี้ก็ไม่ได้แพร่ระบาดทั่วไปในชุมชนเช่นกัน ดังนั้นเราควรต้องมีมาตรการที่จะแยกผู้ป่วยโรคเรื้อรังในสถานพยาบาลให้ห่างจากผู้ติดเชื้อ MERS ให้มากที่สุด คือผู้ที่อยู่ในข่ายมีโอกาสติดเชื้อ MERS ที่อยู่ระหว่างการสังเกตอาการเฝ้าระวัง หรือผู้ป่วยที่ยึนยันจากการตรวจทางห้องทดลองแล้ว ทุกคนที่อยู่ในข่ายนี้ต้องไม่รับเข้าไปในสถานพยาบาลที่มีผู้ป่วยอ่อนแอนอนอยู่ หรือแม้แต่กักตัวไว้ในโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด ให้แยกผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไปติดต่อโรงพยาบาลโรคติดเชื้อโดยตรงและให้เจ้าหน้าที่รพ.ที่สัมผัสกับผู้ป่วยโดยไม่ระมัดระวังป้องกันดีพอ ควรหยุดงานไปสังเกตุอาการที่บ้านอย่างน้อย14วัน และกวดขันการปฏิบัติตามมาตราการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด
ส่วนประเด็น การใส่หน้ากากป้องกันในที่สาธารณะ ไม่ได้เป็นการป้องกันการรับเชื้อแต่เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคของผู้ป่วยแพร่ไปในชุมชนนะครับ ยังคงมีโอกาสรับเชื้อโรคอยู่ดี ยกเวันการใช้หน้ากากแบบพิเศษ เช่นN95ที่รับรองเลยว่าผู้ใส่จะอึดอัดมากและหายใจลำบากแน่นอน แต่การใส่หน้ากากก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถป้องกันการแพร่กระจายโรคทางเดินหายใจอื่นๆได้
ขออวยพรให้คนไทยทุกคนปลอดภัยจาก MERS ครับ และมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้ คลายความกังวลลงไปบ้าง เศรษฐกิจไทยจะได้ไม่แย่ไปกว่านี้ มีอีกหลายๆประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อMERS ตั้งแต่ปี2012 โดยเฉพาะ ซาอุดีอาระเบีย ที่มีการระบาดมากกว่า เกาหลีใต้หลายเท่าก็สามารถ ควบคุมโรคและผ่านมาได้ด้วยดี หน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องทุกๆคน เป็นกำลังใจให้ครับ
การระบาดของโรค MERS-CoV
วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558
MERS-CoV น่ากลัวมากจริงหรือ
MERS-CoV เป็นโคโรน่าไวรัส จากอูฐ มาสู่คน มีรายงานตั้งแต่ปี 2012 แล้ว แต่มามีการระบาดเพิ่มสูงขึ้น ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมปี 2014 ที่ซาอุดิอาระเบีย เป็นการระบาดในสถานพยาบาล ไม่พบในชุมชนทั่วไป แต่พอเดือนมิถุนายน 2014 การติดเชื้อกลับลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งสันนิษฐานว่า การระบาดที่เกิดขึ้น เกิดจาก การไม่ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ อย่างถูกต้องตามมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาล เมื่อมีการแก้ไขในจุดนี้ การระบาดลดลงอย่างรวดเร็ว และคงที่มาถึงปัจจุบัน ในประเทศซาอุดิ อาระเบีย จำนวน case เพิ่มขึ้นแค่ 5-10 รายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจาก มีการเพิ่มขึ้นของการระบาดอย่างชัดเจนที่เกาหลีใต้ ช่วงต้นเดือนมิถุนายนปี2015นี้ โรคนี้เลยกลับมาบูมอีกครั้ง แต่ก็ยังจำกัดการระบาดในสถานพยาบาลยังไม่พบในชุมชนทั่วไป
http://www.cdc.gov/coronavirus/mers/index.html
บุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสMERS
1 ผู้ที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากคาบสมุทรอาหรับ
http://www.cdc.gov/coronavirus/mers/index.html
บุคคลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสMERS
1 ผู้ที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากคาบสมุทรอาหรับ
2 ผู้ที่สัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยที่เดินทางมาจาก กลุ่มประเทศอาหรับ โดยมีการยืนยันการติดเชื้อMERSจากการตรวจทางห้องLAB แล้ว
3 เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาล ที่ไม่ปฎิบัติตามคำแนะนำ ของมาตรการการป้องกันการติดเชื้ออย่างดีพอในสถานพยาบาล ที่มีผู้ป่วยMERSนอนพักอยู่ อันนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเจัาหน้าที่สถานพยาบาลของประเทศเกาหลีใต้ในช่วงนี้
4 ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับอูฐโดยตรง การกินเนื้อ ดื่มนมอูฐ ที่ไม่ได้ปรุงสุกดีพอ
สรุปแล้ว MERS ยังไม่ได้เป็นโรคที่น่ากลัวมากเท่าไหร่(ตามความเห็นส่วนตัว)จากสถิติการระบาดในประเทศซาอุดีอาระเบีย ปี2014 ลดลงอย่างรวดเร็วจากการควบคุม ที่ดีขึ้นในสถานพยาบาล และยังไม่มีการรายงานแพร่ระบาดในชุมชน ดังนั้นอย่าตื่นตกใจ เกินไปนะครับ บุคลากรทางการแพทย์ ถึงติดเชื้อ ก็ไม่น่าถึงตายหรอกครับ มันเหมือน โคโรน่าไวรัส ในคน ที่มีอาการ ตั้งแต่น้อยไปถึงมาก ขึ้นอยู่กับ ภูมิต้านทาน ความแข็งแรงของแต่ละคน ถ้าสุขภาพดี ก็ไม่น่ามีอันตรายถึงตาย แต่ถ้าบุคลากรทางการแพทย์ เอาเชื้อไปติดผู้ป่วยโรคเรื้อรังร่างกายอ่อนแอ ในโรงพยาบาล อันนี้แหละน่ากลัว คนจะตายกันเยอะ
ดังนั้น ผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อMERS คือ ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรงเป็นเวลานานพอสมควร ได้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ญาติพี่น้องที่ดูแลผู้ป่วย ที่จะมีโอกาสติดเชื้อนี้ได้
http://www.who.int/csr/disease/coronavirus_infections/faq/en/
การติดต่อ ระหว่างคน จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่ทางการหายใจ เพียงแค่นั้น ต้องใช้ระยะเวลา นานพอสมควร ในการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง
http://www.who.int/csr/disease/coronavirus_infections/archive_updates/en/
ลองเข้าไปดู กราฟ แสดงถึงการระบาด ของเชื้อ MERS ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อ ปีที่แล้ว 2014 ช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม สูงมาก แต่พอเดือนมิถุนายน กลับลดลงอย่างรวดเร็ว และคงระดับ การติดเชื้อ อยู่แค่นั้น ลองเข้าไปดูนะครับ 5 Feb,2015 ไฟล์บนสุด ดูแล้ว คงจะสบายใจกันได้ แต่ก็ห้ามประมาทนะครับ โดยเฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์ ที่มีส่วนสำคัญที่สุด ในการป้องกัน การระบาดของโรคนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)